ข่าวทองคำ-ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองพุ่งขึ้น 1.2% ขณะบอนด์ยิลด์ดิ่งลง
-
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 23.92 ดอลลาร์ หรือ 1.21% สู่ 1,993.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยราคาทองปรับขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในวันพุธว่า เฟดอาจใกล้ที่จะยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00% ในวันพุธตามความคาดหมาย โดยเฟดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ก่อนสิ้นปี 2023 แต่มีความเป็นไปได้ที่ระดับดังกล่าวอาจจะเป็นจุดหยุดพักจุดแรกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
-
ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.4% สู่ 1,995.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 0.096 ดอลลาร์ สู่ 23.121 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 6.44 ดอลลาร์ สู่ 984.44 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดดิ่งลง 20.04 ดอลลาร์ หรือ 1.38% สู่ 1,430.51 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ ราคาทองสปอตเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 2,009.59 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 1 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี ราคาทองร่วงลงมาบ้างในช่วงต่อมา ในขณะที่นักลงทุนลดความกังวลที่มีต่อภาคธนาคาร หลังจากธนาคารเครดิต สวิสได้รับความช่วยเหลือ
-
นายเดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าโลหะของบริษัทไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า ถ้าหากเฟดหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การทำเช่นนั้นก็จะช่วยหนุนราคาทอง เพราะทองถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ และเขากล่าวเสริมว่า “มีแนวโน้มว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ถ้าหากเฟดไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกต่อไป” ทั้งนี้ เขากล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงนี้รวมถึงการที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง, การที่นักลงทุนต้องการซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการอ่อนค่าของดอลลาร์”
-
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองยังคงมีแนวโน้มในทางบวก ถ้าหากเฟดหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือถ้าหากวิกฤติภาคธนาคารดำเนินต่อไป ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.60 ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 102.44 ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 101.91 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ในช่วงแรกช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีดิ่งลงจาก 3.981% ในวันพุธ สู่ 3.806% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีรูดลงจาก 3.500% ในวันพุธ สู่ 3.404% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย
-
ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้นเป้าหมายราคาทองสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าสู่ 2,050 ดอลลาร์ จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,950 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่าทองเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการทำประกันความเสี่ยงทางการเงิน
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)