ข่าวทองคำ – ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ตัวเลขศก.สหรัฐอ่อนแอหนุนทองพุ่งแตะสูงสุด 1 ปี

ข่าวทองคำ – ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ตัวเลขศก.สหรัฐอ่อนแอหนุนทองพุ่งแตะสูงสุด 1 ปี

นิวยอร์ค–5 เม.ย.–รอยเตอร์

• ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 35.86 ดอลลาร์ หรือ 1.81% สู่ 2,019.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 2,024.89 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในขณะที่สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอออกมาในวันอังคาร และตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้มีความกังวลกันว่าราคาน้ำมันอาจจะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทะยานขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.52 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 102.03 ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือนที่ 101.45 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 3.432% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 3.337% ในช่วงท้ายวันอังคาร

• ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.9% สู่ 2,038.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดทะยานขึ้น 1.020 ดอลลาร์ หรือ 4.25% สู่ 25.015 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 31.49 ดอลลาร์ หรือ 3.19% สู่ 1,017.17 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดปรับลง 2.53 ดอลลาร์ สู่ 1,457.32 ดอลลาร์/ออนซ์

• นายเดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าโลหะของบริษัทไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า “ภาวะแวดล้อมส่งผลบวกเป็นอย่างมากต่อราคาทองในช่วงนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง” ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยผลสำรวจตำแหน่งงานว่างและการเข้า-ออกงาน (JOLTS) รายเดือนในวันอังคาร โดยระบุว่า ยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลง 632,000 ตำแหน่ง สู่ 9.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2021 หรือจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดิ่งลง 2.1% ในเดือนม.ค.

• ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ประกาศในวันอาทิตย์ที่ 2 เม.ย.ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงไปอีกราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนพ.ค.จนถึงสิ้นปีนี้เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน โดยการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นเครื่องมือในการทำประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ นายอเล็กซานเดอร์ ซุมป์เฟอ ดีลเลอร์โลหะมีค่าในบริษัทเฮแรอุสกล่าวว่า “หากพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ราคาทองก็มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไป และอาจจะเข้าสู่เสถียรภาพที่ระดับปัจจุบันหรือสูงกว่านั้น โดยราคาทองอาจจะมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 2,050 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าหากราคาทองสามารถฝ่าแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ ราคาทองก็อาจจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วสู่สถิติสูงสุด”

• นายฮัน ตัน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทเอ็กซินิทีกล่าวว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้ราคาทองลดช่วงบวกที่ทำไว้ในช่วงนี้ลงมาบ้าง ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยคาดการณ์ว่า มีโอกาส 51.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และมีโอกาส 48.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. โดยโอกาสที่ 48.2% นี้ปรับลดลงจากระดับสูงกว่า 65% ที่เคยคาดไว้ในวันจันทร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับลดลงสู่ระดับราว 4.189% ในเดือนธ.ค.ปีนี้–จบ–

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

เปิดบัญชีเทรด