ข่าวทองคำ – ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองปรับขึ้นเหนือ 2,000 ดอลล์ขณะดอลล์อ่อนค่า

ข่าวทองคำ – ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค:ทองปรับขึ้นเหนือ 2,000 ดอลล์ขณะดอลล์อ่อนค่า

นิวยอร์ค–12 เม.ย.–รอยเตอร์

• ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 13.18 ดอลลาร์ สู่ 2,003.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และนักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนจะมองหาสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลงหรือไม่ และปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.12 ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 102.47 ในช่วงท้ายวันจันทร์ และการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยปัจจัยนี้ช่วยบดบังแรงกดดันที่ราคาทองได้รับจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐด้วย ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นสู่ 3.434% ในช่วงท้ายวันอังคาร จาก 3.415% ในช่วงท้ายวันจันทร์

• ราคาสัญญาทองล่วงหน้าปิดตลาดปรับขึ้น 0.8% สู่ 2,019.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 0.180 ดอลลาร์ สู่ 25.075 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 2.83 ดอลลาร์ สู่ 994.58 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 34.63 ดอลลาร์ หรือ 2.45% สู่ 1,446.26 ดอลลาร์/ออนซ์

• นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในช่วงนี้ว่า มีโอกาสเพียง 28.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และมีโอกาส 71.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนมิ.ย. และเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งก่อนสิ้นปีนี้เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอาจจะอยู่ที่ระดับราว 4.406% ในเดือนธ.ค.

• นายบาร์ท เมเลค หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของบล.ทีดีกล่าวว่า “ตอนนี้นักลงทุนไม่ได้มุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือไม่” ในเดือนพ.ค. และเขากล่าวเสริมว่า “นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2023” ทั้งนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวในวันอังคารว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกเพียงหนึ่งครั้งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่มีประโยชน์ แต่แนวโน้มในการกำหนดนโยบายของเฟดจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะได้รับการรายงานออกมา ทางด้านนายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา และเขาตั้งข้อสังเกตว่า การที่ธนาคารปรับลดการปล่อยกู้จะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของนโยบายการเงิน

• นักลงทุนรอดูการรายงานดัชนี CPI ของสหรัฐในวันพุธนี้ โดยนายวอร์เรน เวนเคตาส นักวิเคราะห์ของบริษัทเดลีเอฟเอ็กซ์ระบุว่า “ถ้าหากดัชนี CPI ของสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนให้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปหลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงก็อาจจะปรับสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มค่าเสียโอกาสในการถือครองทอง” ทั้งนี้ นายปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินไม่ควรจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางระงับการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ–จบ–

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

เปิดบัญชีเทรด